เครื่องกรองน้ำดื่ม

เครื่องกรองน้ำดื่ม: ประเภทและคุณสมบัติของแต่ละชนิด

การเลือกเครื่องกรองน้ำดื่มที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพของคุณและครอบครัว ปัจจุบันมีเครื่องกรองน้ำหลายประเภทที่มีเทคโนโลยีการกรองที่แตกต่างกัน มาดูกันว่าแต่ละประเภทมีคุณสมบัติอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหน

เครื่องกรองน้ำดื่มที่นิยมในประเทศไทย

ในประเทศไทย เครื่องกรองน้ำที่ได้รับความนิยมสามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่:

1. เครื่องกรองน้ำ 5 ขั้นตอนมาตรฐาน

เครื่องกรองน้ำชนิดนี้เป็นระบบกรองแบบมาตรฐานที่นิยมใช้ในครัวเรือน ประกอบด้วยไส้กรอง 5 ขั้นตอน เช่น ไส้กรองตะกอน คาร์บอนอัดแท่ง คาร์บอนเกล็ด เรซิ่น และไส้กรองโพสต์คาร์บอน เหมาะสำหรับการกรองสิ่งสกปรกทั่วไปจากน้ำประปา

ข้อดี:

• ราคาประหยัด หาซื้อง่าย

• ติดตั้งและดูแลรักษาง่าย

• ช่วยลดกลิ่น สี และรสชาติไม่พึงประสงค์ของน้ำ

2. เครื่องกรองน้ำแบบรีเวิร์สออสโมซิส (Reverse Osmosis - RO)

เครื่องกรองน้ำระบบ RO ใช้เมมเบรนที่มีรูขนาดเล็กมากในการกรองสิ่งสกปรก เชื้อโรค และโลหะหนักออกจากน้ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการน้ำสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด

ข้อดี:

• กรองได้ละเอียดสูงถึง 0.0001 ไมครอน

• กำจัดโลหะหนัก แบคทีเรีย และไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• ให้คุณภาพน้ำที่สะอาดสูงสุด

3. เครื่องกรองน้ำแบบอัลตราฟิลเตรชัน (Ultrafiltration - UF)

ระบบกรองแบบ UF ใช้เมมเบรนที่มีรูขนาดกลาง สามารถกำจัดแบคทีเรียและตะกอนได้ดี แต่ยังคงแร่ธาตุที่จำเป็นไว้ เหมาะสำหรับน้ำที่ไม่มีสารปนเปื้อนทางเคมีมาก

ข้อดี:

• กำจัดเชื้อโรคได้ดี โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า

• คงแร่ธาตุที่มีประโยชน์ไว้

• ไม่ก่อให้เกิดน้ำทิ้งเหมือนระบบ RO

4. เครื่องกรองน้ำแบบนาโน (Nano Filtration - NF)

เครื่องกรองน้ำระบบนาโนใช้เมมเบรนที่มีขนาดรูกรองใหญ่กว่าระบบ RO แต่เล็กกว่าระบบ UF สามารถกำจัดแบคทีเรีย ไวรัส และสารปนเปื้อนในน้ำได้ดี โดยยังคงแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์บางส่วนไว้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการน้ำสะอาดแต่ไม่ต้องการกำจัดแร่ธาตุออกทั้งหมด

ข้อดี:

• กรองเชื้อโรคได้ดี โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า

• คงแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ไว้บางส่วน

• ไม่มีน้ำทิ้งเหมือนระบบ RO

5. เครื่องกรองน้ำแบบ UV (Ultraviolet - UV)

ระบบกรองแบบ UV ใช้แสงอัลตราไวโอเลตในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เหมาะสำหรับน้ำที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อนมาก แต่ต้องแน่ใจว่าน้ำไม่มีตะกอนก่อนเข้าเครื่องกรอง UV

ข้อดี:

• ฆ่าเชื้อโรคได้ 99.99%

• ไม่มีสารตกค้างหรือสารเคมีปนเปื้อน

• ทำงานได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอการกรองเหมือนระบบ RO

วิธีเลือกเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสม

1. ดูคุณภาพน้ำต้นทาง – หากน้ำประปามีคลอรีนมาก เครื่องกรองคาร์บอนอาจเหมาะสม แต่ถ้าน้ำมีโลหะหนัก แนะนำให้ใช้ระบบ RO

2. พิจารณางบประมาณ – เครื่องกรองน้ำแต่ละประเภทมีราคาต่างกัน ควรเลือกให้เหมาะสมกับงบที่มี

3. ความสะดวกในการบำรุงรักษา – บางระบบต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อย ควรเลือกที่ดูแลรักษาได้ง่าย

4. ปริมาณการใช้งาน – หากต้องการน้ำปริมาณมาก ระบบ RO หรือ UF อาจตอบโจทย์มากกว่า

การเลือกเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณและครอบครัวได้ดื่มน้ำที่สะอาดและปลอดภัยขึ้น อย่าลืมตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องกรองน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำที่ดื่มมีคุณภาพดีที่สุดเสมอ